รีวิวภาพยนตร์ แสงกระสือ (Inhuman Kiss) 2019
“แสงกระสือ” (Inhuman Kiss) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-ดราม่าที่ผสมผสานกับเรื่องราวแฟนตาซี-สยองขวัญอย่างลงตัว กำกับโดย โดม สิทธิศิริ มงคลสิริ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความสนใจทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับความเชื่อพื้นบ้านของไทยในมุมมองใหม่ที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความหมาย
เรื่องย่อ
“แสงกระสือ” บอกเล่าเรื่องราวของสาวน้อยชื่อ “สาย” (รับบทโดย โซตี้ ดลลดา) เด็กสาวที่เติบโตในหมู่บ้านชนบทที่เต็มไปด้วยความสงบสุข แต่วันหนึ่ง สายค้นพบว่าตนเองได้รับสืบทอดสายเลือดกระสือจากแม่ ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและสัญชาตญาณสัตว์ในตัวเธอทำให้เธอเริ่มห่างเหินจากชาวบ้าน รวมถึง “น้อย” (รับบทโดย โอบ โอบนิธิ) เพื่อนสนิทที่เธอแอบรักมานาน
ในขณะเดียวกัน “เจิด” (รับบทโดย เกรท สพล) เพื่อนอีกคนที่แอบชอบสายมาตลอด กลับพยายามช่วยเหลือสายอย่างเต็มที่ เมื่อความลับของสายเริ่มถูกเปิดเผย ความรักและมิตรภาพของพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอคติของชาวบ้าน ความกลัวที่ไม่เข้าใจ และศัตรูที่หวังทำลายสาย
จุดเด่นของภาพยนตร์
1. การเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง
“แสงกระสือ” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์สยองขวัญ แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวของความรัก มิตรภาพ และการยอมรับความแตกต่าง ภาพยนตร์พาผู้ชมสำรวจความรู้สึกของตัวละครและแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความกลัวและอคติในสังคม
2. การแสดงที่น่าประทับใจ
นักแสดงนำทั้งสามคน โซตี้ ดลลดา, โอบ โอบนิธิ และ เกรท สพล ต่างถ่ายทอดบทบาทของตนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะโซตี้ในบทสาย ที่สามารถถ่ายทอดความเปราะบางและความเข้มแข็งของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง
3. งานภาพและการออกแบบ
งานภาพใน “แสงกระสือ” โดดเด่นด้วยการใช้แสงสีที่สร้างบรรยากาศลึกลับและงดงาม การออกแบบเครื่องแต่งกายของกระสือและการใช้ CGI ทำได้อย่างสมจริงและน่าทึ่ง
ธีมและแนวคิดหลัก
1. ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
ภาพยนตร์แสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งและบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความรักของสายและน้อย หรือความรักของครอบครัว ที่แสดงออกผ่านการยอมรับและการเสียสละ
2. การยอมรับความแตกต่าง
“แสงกระสือ” สะท้อนถึงความสำคัญของการยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่แตกต่าง ตัวละครสายแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและความพยายามที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น
3. การเผชิญหน้ากับอคติ
เรื่องราวเน้นถึงผลกระทบของอคติและความกลัวที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่แตกต่าง ชาวบ้านในเรื่องเป็นตัวแทนของสังคมที่ยังคงมีความคิดที่ไม่เปิดกว้าง
งานโปรดักชันและการกำกับ
1. การกำกับที่ลงตัว
ผู้กำกับ โดม สิทธิศิริ สามารถผสมผสานองค์ประกอบของความโรแมนติก ดราม่า และสยองขวัญได้อย่างลงตัว การเล่าเรื่องที่ละเมียดละไมทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร
2. ดนตรีประกอบ
ดนตรีใน “แสงกระสือ” ช่วยเสริมสร้างอารมณ์ในแต่ละฉาก เพลงประกอบยังช่วยสร้างความลึกลับและความเศร้าที่เป็นเอกลักษณ์ของภาพยนตร์
3. การออกแบบเครื่องแต่งกายและ CGI
เครื่องแต่งกายของกระสือและการใช้ CGI ทำให้ตัวละครดูสมจริงและน่าสะพรึง การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวที่มีความเป็นแฟนตาซี
จุดเด่นและจุดด้อย
จุดเด่น
เรื่องราวที่ลึกซึ้งและมีความหมาย: เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นและสะท้อนถึงประเด็นทางสังคม
การแสดงที่ยอดเยี่ยม: นักแสดงทุกคนถ่ายทอดบทบาทได้อย่างลึกซึ้ง
งานภาพและบรรยากาศ: งานภาพและการออกแบบช่วยสร้างความประทับใจและเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว
จุดด้อย
จังหวะเรื่องบางช่วง: บางฉากอาจมีจังหวะที่ช้าเกินไปสำหรับผู้ชมที่คาดหวังความตื่นเต้น
การพัฒนาตัวละครรอง: ตัวละครบางตัวอาจไม่ได้รับการพัฒนาให้มีมิติมากพอ
สรุปรีวิว
“แสงกระสือ” (Inhuman Kiss) เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความโรแมนติกและสยองขวัญได้อย่างลงตัว เรื่องราวที่ลึกซึ้งและการแสดงที่ยอดเยี่ยมทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของวงการภาพยนตร์ไทย หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่ทั้งสวยงามและท้าทายความคิด “แสงกระสือ” คือผลงานที่ไม่ควรพลาด
อ่าน รีวิว https://thematter.co/entertainment/inhuman-kiss/73212